menu

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วิธีการทำสบู่ออร์แกนิคข้าวไรซ์เบอร์รี่

       จากความรู้และประสบการณ์ที่มี ได้นำมาต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ "สบู่ข้าวไรซ์เบอร์รี่" สบู่ออร์แกนิค สูตรธรรมชาติ ทำใช้เองง่ายๆ ในครัวเรือน ผู้เขียนมีความตั้งใจอยากที่จะนำความรู้และประสบการณ์ในครั้งนี้มาเผยแพร่ จึงขอแนะนำและอธิบายวิธีการทำสบู่ข้าวไรซ์เบอร์รี่ง่ายๆ ดังนี้ 


ส่วนผสม

น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น                            780  กรัม
น้ำมันรำข้าวบริสุทธิ์                                260  กรัม
น้ำมันมะกอก                                         260  กรัม
น้ำผึ้ง                                                     50  กรัม
น้ำเปล่า                                                340  กรัม
ผงข้าวไรซ์เบอร์รี่                                     130  กรัม
โซเดียมไฮดรอกไซต์ (โซดาไฟ)                 200  กรัม


**ควรเตรียมส่วนผสมทั้งหมดให้พร้อม โดยการชั่งตวงให้ได้น้ำหนักตามที่ระบุ




วิธีทำสบู่สครับข้าวไรซ์เบอร์รี่

ส่วนที่ 1 นำน้ำมันมะพร้าว, น้ำมันมะกอก, น้ำมันรำข้าว และน้ำผึ้งที่เตรียมไว้ มาผสมรวมกันในภาชนะ คนทั้งหมดให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน และพักรอไว้



ส่วนที่ 2 เตรียมภาชนะสแตนเลสสตีล โดยเทน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ลงไป จากนั้นค่อยๆ เทโซเดียมไฮดรอกไซต์ลงไปในน้ำทีละน้อย และค่อยๆคนให้ละลายด้วยกันจนเข้ากันหมด จากนั้นพักทิ้งไว้จนเย็น (ขณะรวมส่วนผสมนี้ จะเกิดความร้อนจากการทำปฏิกิริยาระหว่างน้ำกับโซเดียมไฮดรอกไซต์) ไม่ควรเทน้ำผสมกับโซเดียมไฮดรกไซต์ตรงๆ เพราะจะทำให้เกิดความร้อนจนระเบิดได้



ส่วนที่ 3 คือส่วนของข้าวไรซ์เบอร์รี่ ให้นำข้าวไรซ์เบอร์รี่ไปปั่นพอแหลก แล้วนำไปคั่วเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค และเพิ่มความหอมของกลิ่นข้าว โดยใช้เวลาคั่วประมาณ 2 - 3 นาที จากนั้นจึงนำข้าวที่คั่วเสร็จแล้วไปปั่นอีกครั้งจนละเอียดเป็นผง
             



เมื่อได้ส่วนผสมครบทั้ง 3 ส่วนแล้ว ให้นำส่วนผสม ส่วนที่ 2 (โซเดียมไฮดรอกไซต์และน้ำ) ค่อยๆเทลงไปในส่วนผสม ส่วนที่ 1 (น้ำมันต่างๆและน้ำผึ้ง) และนำส่วนผสม ส่วนที่ 3 (ผงข้าวไรซ์เบอร์รี่) มาผสมตาม โดยคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน (ใช้เวลาในการผสม 30 - 45 นาที)




เมื่อส่วนผสมทั้งหมดรวมจนเข้ากันดีแล้ว จะสังเกตเห็นว่ามีลักษณะของเนื้อสบู่ที่ค่อยๆเหนียว และจะเหนียวขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเหนียวข้นได้ที่แล้ว นั่นก็คือเราได้เนื้อสบู่ที่พร้อมจะเทลงแม่พิมพ์

      

นำส่วนผสมที่ได้มาเทในแม่พิมพ์ที่เตรียมรอไว้ จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องปกติ ประมาณ 1 วัน (24 ชั่วโมง) จึงจะสามารถแกะออกมาจากแม่พิมพ์ได้




เมื่อครบ 1 วัน สามารถแกะออกจากแม่พิมพ์ และนำมาตัดเป็นก้อนขนาดตามที่เราต้องการ สำหรับสบู่ที่ได้ในขั้นตอนนี้ยังไม่สามารถนำมาใช้ได้ เนื่องจากจะต้องปล่อยทิ้งไว้อีกประมาณ 45 วัน เพื่อให้โซเดียวไฮดรอกไซต์ในสบู่ระเหยออกไปจนหมด และเพื่อให้เนื้อสบู่แข็งตัวคงที่     


การเก็บรักษาในช่วงที่ยังไม่ครบ 45 วัน ให้เก็บไว้ในที่แห้ง อาจจะใส่กล่องกระดาษที่มีฝาปิดเพื่อป้องกันฝุ่น แต่ควรให้มีรูระบายเพื่อให้อากาศถ่ายเท และเพื่อให้โซเดียมไฮดรอกไซต์ระเหยได้

และเมื่อครบ 45 วัน จึงนำสบู่มาห่อด้วยกระดาษแก้ว หรือใส่กล่องสวยงามเก็บไว้พร้อมใช้ หรือนำมาเป็นของขวัญในช่วยเทศกาลต่างๆได้    
   

       สบู่สครับข้าวไรซ์เบอร์รี่ มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการช่วยบำรุงผิวให้อ่อนเยาว์ สะอาดสดชื่นตลอดเวลา ด้วยคุณค่าจากธรรมชาติอย่างแท้จริง เนื้อสครับช่วยผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวชั้นนอก เผยให้เห็นผิวใหม่สดใสและยังบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นด้วยสารอาหารธรรมชาติที่มีอยู่ในข้าวไรซ์เบอร์รี่ อีกด้วย


ข้อควรระวังในการใช้โซเดียมไฮดรอกไซต์

  1. ระวังอย่าให้โซเดียมไฮดรอกไซต์สัมผัสกับผิวหนังเด็ดขาด เพราะโซเดียมไฮดรอกไซต์เป็นด่างที่เข้มข้นและมีความร้อนมาก สามารถทำปฏิกิริยากับผิวหนังจนเกิดบาดแผลได้
  2. ในการนำโซเดียมไฮดรอกไซต์มาผสมกับน้ำ หากเทผสมกันเร็วเกินไปจะเกิดความร้อนสูง เพราะเมื่อโซเดียมไฮดรอกไซต์จะปล่อยความร้อนอย่างมากออกมา จนน้ำอาจเดือนหรือระเบิดขึ้นมาได้ ฉะนั้นจึงควรค่อยๆ ผสมทีละเล็กน้อย อย่าทำด้วยความใจร้อน หรือไม่ระมัดระวัง
  3. ควรสวมถุงมือยางเพื่อป้องกันสารละลายจากโซเดียมไฮดรอกไซต์ไม่ให้ถูกผิวหนัง
  4. ปิดปากและจมูกด้วยหน้ากากป้องกันกลิ่นและไอระเหย
  5. ควนสวมแว่นตาในขณะที่รวมส่วนผสมต่างๆเพื่อป้องกันการกระเด็นของส่วนผสม
  6. หากมีเด็กๆ ควรระวัง ต้องเก็บโซเดียมไฮดรอกไซต์ให้ห่างพ้นจากมือเด็ก

จากบทความเรื่อง "วิธีการทำสบู่ออร์แกนิคข้าวไรซ์เบอร์รี่" ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจ และสามารถนำไปทดลองวิธีทำง่ายๆนี้ได้ด้วยตนเอง
การแปรรูปข้าวไรซ์เบอร์รี่ มาเป็นสบู่ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นการต่อยอดการพัฒนาข้าวไรซ์เบอร์รี่ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวไรซ์เบอร์รี่ได้อีกวิธีหนึ่ง ตามวิถีพอเพียง และอย่างน้อยเราก็ได้รับประโยชน์ในการนำมาใช้ในครัวเรือนเองได้




บ้านข้าวเล่าเรื่อง



วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ศาสตร์ของพระราชา กับการนำมาปรับใช้ในการเลี้ยงไส้เดือน


เมื่อเริ่มต้นเลี้ยงไส้เดือนก็นึกแต่เพียงว่าเป็นการทำในสิ่งที่คุ้มค่าแทบจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆในการเลี้ยง  เพราะมีไส้เดือนมาช่วยกำจัดเศษอาหาร หรือเปลือกผลไม้เหลือทิ้ง และแถมยังได้ปุ๋ยมูลไส้เดือนไว้ปลูกผัก ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ ได้ใช้เวลาว่างนอกเหนือจากเวลาที่เราทำงานปกติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ได้รักษาสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คิดแบบง่ายๆ ไม่ได้คิดวางแผนใดในเชิงลึก แต่เมื่อเวลาได้ผ่านไปนานวันทำให้ได้พบว่าการเลี้ยงไส้เดือนที่ทำอยู่ทุกวันนี้ สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงอย่างน่าอัศจรรย์ 




ความพอประมาณ  มีจุดมุ่งหมายว่าการเลี้ยงไส้เดือนเป็นแนวทางใหม่ของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่สามารถผลิตเพื่อใช้กับพืชผักผลไม้ดอกไม้ในครัวเรือนของตนเอง โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมี


มีเหตุผล  ในแต่ละวันที่ไส้เดือนดูดกินอาหารเข้าไป จะผ่านกระบวนการย่อยในสำไส้ของตัวมันเอง เปรียบเสมือนเป็นเครื่องจักรที่ให้ผลผลิตออกมา นั่นก็คือ "มูลไส้เดือน" ซึ่งเป็นเหตุเป็นผลที่สอดคล้องต้องกันในวงจรวัฎจักรชีวิตของไส้เดือน


ภูมิคุ้มกันในตัวเอง  ไม่ว่าจะนำมูลไส้เดือนไปใช้ในครัวเรือนในสวนหรือในฟาร์ม มูลไส้เดือนทุกเม็ดทุกอณู ได้ปกป้องดินให้คงความอุดมสมบูรณ์ สร้างสรรค์พืชผักผลไม้ ดอกไม้ ที่ไร้สารเคมี รักษาสิ่งแวดล้อมทั้งในดิน ในน้ำ และอากาศให้บริสุทธิ์


ความรู้  คือการนำทฤษฏีที่ได้เรียนรู้นำมาปฏิบัติและต่อยอดเป็นผลผลิตอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง  เช่น การทำสบู่ข้าวไรซ์เบอร์รี่

คุณธรรม  นำประสบการณ์ในการเลี้ยงไส้เดือน ตั้งแต่ขั้นตอนในการเลี้ยง, การให้อาหาร, การแก้ปัญหา, การเก็บเกี่ยวผลผลิต และการนำผลผลิตไปใช้ในนาข้าว จนถึงการแปรรูปข้าวไรซ์เบอรรี่เป็นสบู่ข้าวไรซ์เบอรรี่ออร์แกนิค ซึ่งนำมาเผยแพร่เพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ที่สนใจ


       จากประสบการณ์เหล่านี้ ผู้เขียนขอน้อมนำ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปปรับใช้ให้เข้ากับวิถีการดำเนินชีวิตของตนเอง และจะเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นประโยชน์นี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สู่ชุมชน และสังคมโดยรวม 





บ้านข้าว เล่าเรื่อง